ประตู กระจก นิรภัย เป็นกระจกที่ผลิตขึ้นเป็นพิเศษเพื่อความปลอดภัยและป้องกันการโจรกรรม พบมากในอาคารสูงหรือประตูเลื่อนอัตโนมัติ ตามประสิทธิภาพและกรรมวิธีการผลิตกระจก แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆกระจกนิรภัยเทมเปอร์เป็นกระจกที่ออกแบบมาเพื่อกระจายเข้าไปในเมล็ดข้าวโพดเมื่อแตก
ประตู กระจก นิรภัย คืออะไร แข็งแรงแค่ไหน และ กระจกนิรภัย ราคา เท่าไหร่?
ประตู กระจก นิรภัย และ กระจกนิรภัย ราคา เท่าไหร่และแก้วดังกล่าวผลิตขึ้นโดยการเอาแก้วเรียบหรือแก้วใสทั่วไปออก ผ่านกระบวนการอบด้วยความร้อนที่อุณหภูมิ 650-700 องศาเซลเซียส แล้วทำให้เย็นทันทีด้วยลมเย็น ทำให้กระจกแข็งแรงขึ้น 3-5 เท่า และตัวกระจกเองก็ทนความร้อนได้มากขึ้น แต่ไม่กันไฟ เมื่อหักจะแตกเป็นเมล็ดข้าวโพดที่แหลมคม ไม่เป็นอันตรายเมื่อทำกระจกแตก
ป้องกันคนใกล้ตัวไม่ให้โดนกระจกบาด ตัวช่วยในเรื่องความปลอดภัย โดยส่วนใหญ่แล้วเราจะพบกระจกนิรภัยเทมเปอร์ในอาคารสูงที่มีกระจกล้อมรอบ หรือประตูไม่มีวงกบ เช่น ประตูเลื่อนอัตโนมัติสำหรับห้างสรรพสินค้าต่างๆ ตู้โชว์สินค้า ฉากกั้นห้องน้ำ ร้านสะดวกซื้อ
กระจกด้านในเป็นกระจกสี มาพร้อมราวทองเหลืองหรือรางแพลตตินัม ประตู กระจก นิรภัยClass A ทั้งหน้าและหลัง ใช้กระจกทั้งหมด 3 ชั้น ประกบกระจกทั้งสามชั้นไว้ตรงกลาง และใช้กระบวนการกระจายความร้อน (Insulation Process) ทำให้เกินสุญญากาศภายใน คุณลักษณะนี้ช่วยรักษาคุณภาพของสี และแสงจากกระจกในตัวคุณตลอดชีวิตทำให้คุณมั่นใจในความปลอดภัยสูงสุด ควบคู่กับความสวยงามและความแข็งแรง เพราะกระจกรุ่นนี้สามารถรับแรงกระแทกได้มากกว่ากระจกทั่วไปถึง 5 เท่า ความหนาของกระจก 20 มม. และนอกจากนี้ยังป้องกันการถ่ายเทของอุณหภูมิได้อีกด้วย รักษาอุณหภูมิของห้องด้วย
กระจกสแตนเลส เป็นกระจกตกแต่งหรือเนื้อกระจกที่สร้างลวดลายต่างๆตามความต้องการของลูกค้า ความสวยงาม หรูหรา มีระดับเกิดจากการใช้วัสดุอย่างกระจกสีหรือพื้นผิวกระจก ประกอบแต่ละชิ้นเข้ากับรางโลหะทองเหลืองหรือวัสดุพิเศษอื่นๆ ที่ไม่เป็นสนิม เกิดเป็นลวดลายต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ภายนอกอาคาร แข็งแรง ทนทานต่อแรงกด (แข็งแรงกว่ากระจกทั่วไปประมาณ 5 เท่า และกระจกสีของ Vision Glass หนา 20 มม.) และมีฉนวนกันเสียงที่ดี กระจกสแตนเลสนี้ช่วยยกระดับการใช้งานของอาคารและทำให้การตกแต่งดูมีระดับและมีคุณค่ามากขึ้น ไม่ว่าจะใช้สำหรับ ประตูบ้านกระจก หน้าอาคาร
กระจกนิรภัย หรือ ประตู กระจก นิรภัย อย่างไรให้เหมาะกับคุณ
กระจกนิรภัย ทุกวันนี้ เราใช้กระจกในบ้านเพื่อการตกแต่งและการใช้งาน เช่น ประตู หน้าต่าง ราวบันได และฉากกั้นอาบน้ำ แก้วเป็นวัสดุที่เปราะบาง ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยจึงต้องเลือกชนิดของกระจกให้เหมาะสมกับการใช้งาน การกำหนดมาตรฐานการออกแบบ ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของผู้ใช้จำเป็นต้องวางกระจกนิรภัยและพื้นที่ดังกล่าวต้องอยู่ในขอบเขตความเสี่ยงดังต่อไปนี้:
1. ติดตั้งกระจกสูงจากพื้นไม่เกิน 45 ซม.
2. ความสูงของขอบกระจกน้อยกว่า 92 ซม. จากระดับพื้น
3. กระจกขนาดใหญ่กว่า 9 ตารางฟุต
4. ระยะห่างระหว่างกระจกกับคนที่เดินผ่านน้อยกว่า 92 ซม.
ในจำนวนนี้หากอ่านรวมกันจะพบว่าจุดที่ควรติดประตู คือจุดที่สำคัญและใช้งานบ่อยในบ้าน เช่น ประตู ไม้ สัก บาน เลื่อน เต็มบาน ราวกันตกหรือหน้าต่างระเบียงและช่องแสง (Skylight) ที่ไม่สูงจากระดับพื้นและกระจกกั้นห้องหรือกระจกกั้นอาบน้ำนั่นเอง
- อ่านวิธีเพิ่มความปลอดภัยในบ้านของคุณได้ที่ Support Rails Design Without Limits Every Use
- อ่านวิธีปรับปรุงความปลอดภัยของบันไดเพิ่มเติมใน 5 โครงการเพิ่มเติมเพื่อปรับปรุงความปลอดภัยของ ‘บันไดบ้าน’ ของคุณ
ปัจจุบันมีกระจกนิรภัยอยู่ 3 ประเภท ซึ่งแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและวิธีการผลิตที่แตกต่างกัน ความทนทานมีระดับต่างๆ กัน การรู้ลักษณะเฉพาะของกระจกแต่ละแบบจะช่วยให้เลือกประเภทกระจกนิรภัยได้เหมาะสมกับการใช้งาน มาดูกันว่ากระจกนิรภัยมี 3 ประเภทอะไรบ้าง?
กระจกเทมเปอร์ (Tempered Glass)
ดังนั้นกระจกด้านนอกจึงแข็งตัวเร็วกว่ากระจกด้านใน เพราะเดี๋ยวจะเครียดเอา เป็นผลให้กระจกด้านในอยู่ภายใต้แรงดึง กระจกมีความแข็งแกร่งกว่ากระจกทั่วไปถึงห้าเท่า และทนต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอย่างกะทันหันได้ เมื่อกระจกเทมเปอร์แตกจะแตกเป็นเศษเล็กเศษน้อยคล้ายเม็ดข้าวโพดซึ่งไม่มีความคม ประตู กระจก นิรภัย ไม่สามารถตัดหรือเจาะได้หลังการผลิต เนื่องจากจะแตกทันที กระจกจึงต้องออกแบบตามลักษณะการติดตั้งและการติดตั้ง
กระจกลามิเนต (Laminated Glass)
กระจกนิรภัยสองแผ่นเชื่อมเข้าด้วยกัน ติดตั้งแผ่นพลาสติกโพลีไวนิลบิวทีรัลใสระหว่างแผ่น แล้วอบด้วยไฟแรงจนทั้งสามส่วนผสมติดกันเป็นแผ่นเดียว เดิมทีกระจกลามิเนตถูกประดิษฐ์ขึ้นเพื่อผลิตกระจกรถยนต์ เมื่อหักแล้วจะคลี่ออกเหมือนใยแมงมุม เศษกระจกไม่สามารถร่วงหล่นเป็นอันตรายได้ กระจกนี้ยังมีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันเสียงได้ดีกว่ากระจกธรรมดาอีกด้วย รวมถึงช่วยป้องกันความร้อนและรังสี UV ได้ถึง 97% และนิยมใช้ทำหลังคา สกายไลท์ ราวระเบียง กระจก
นอกจากนี้กระจกลามิเนตยังเป็นที่นิยมสำหรับบ้านที่ตั้งอยู่ใกล้สนามกอล์ฟหลายแห่ง เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกกอล์ฟชนกระจกและไม่เข้าบ้าน ข้อเสียของกระจกประเภทนี้คือไม่ทนทานเท่ากระจกทั่วไปสำหรับความหนาโดยรวมที่เท่ากัน แต่จะมีประโยชน์ด้านความปลอดภัยหากแตก ดังนั้น บางครั้งเราจะเห็นการนำกระจกนิรภัยมาทำเป็นกระจกลามิเนต นี้จะแข็งแรงและทนทานมากขึ้น แต่ด้วยราคาที่สูงขึ้น
- อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระจกได้ที่ Mirrors และเรียนรู้วิธีเลือกกระจกที่มีสไตล์
- อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีเพิ่มความปลอดภัยให้บ้านของคุณใน 7 สิ่งรับมือเหตุร้ายของเด็กๆ ปรับปรุงความปลอดภัย
กระจกเสริมลวด (Wire-Reinforced Glass)
แก้วประเภทนี้เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยในกรณีที่เกิดการแตกหัก ช่วยเพิ่มความปลอดภัยเมื่อเกิดไฟไหม้และป้องกันการโจรกรรมได้ดีกว่ากระจกชนิดอื่น กระจกเสริมลวด ทำโดยการฝังลวดระหว่างการผลิตแผ่นกระจก ดังนั้นกระจกนี้จึงแข็งแรงกว่ากระจกทั่วไปที่มีความหนาเท่ากัน ทนต่อการกระแทก ในกรณีแตกหัก สายไฟในแก้วจะช่วยยึดกระจกไม่ให้ตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าแก้วมีความร้อนสูงเกินไปจนถึงจุดติดไฟ นอกจากนี้ยังเหมาะกับงานที่ต้องการกันขโมย และในบางกรณี ลายลวดในกระจกยังเหมาะกับสไตล์การตกแต่ง เช่น สไตล์อินดัสเทรียล
ประตูไม้สัก กระจกนิรภัย มีกี่ประเภท? เลือกใช้อย่างไรให้ลงตัว
ประตูไม้ สัก กระจกนิรภัย ด้านนอกยังเป็นแบบเปิดโล่ง ทำให้ผู้ใช้ทราบถึงคุณลักษณะของแก้วแต่ละใบมากขึ้น แก้วนั้นๆ เหมาะกับสภาพแวดล้อมในท้องถิ่นหรือไม่? เพื่อความปลอดภัยของคนในบ้าน เหมาะสำหรับใช้งานนอกอาคารหรือที่เราเรียกกันว่า แก้วอบ ทำจากแก้วธรรมดาที่ผ่านกระบวนการอบด้วยอุณหภูมิสูงประมาณ 650 – 700 องศาเซลเซียส และเป่าลมแรงดันสูงให้เย็นทันที เสริมประสิทธิภาพความแข็งแรง ทนทานต่อแรงกระแทก แรงกด และแรงอัดได้ดีกว่า 4-5 เท่า ทนความร้อนได้สูงสุด 290°C และอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงฉับพลันได้สูงสุด 150°C
1. กระจกนิรภัยเทมเปอร์ (Tempered Glass)
แก้วที่ผ่านการทำให้อ่อนตัวด้วยกระบวนการที่อุณหภูมิสูง เมื่อกระจกแตก มันจะแตกตัวเป็นอนุภาคคล้ายเมล็ดข้าวโพดทั่วกระดาษ จะไม่แตกใส่ปากฉลามเหมือนแก้วทั่วไป ดังนั้น จึงปลอดภัยต่อผู้ใช้
จากลักษณะข้างต้น ประตู กระจก นิรภัย สามารถใช้ได้ทั้งกลางแจ้ง และภายในอาคาร เช่น ใช้ทำหน้าต่างกระจก ใช้เป็นประตู ช่องแสง ผนังกั้นห้องกระจก (Glass Curtain Wall) ของอาคารขนาดใหญ่และอาคารสูง ฉากกั้นอาบน้ำ ผนังกั้นห้องภายใน
2. กระจกลามิเนต (Laminated Glass)
ประเภทที่จัดเป็นกระจกนิรภัยโดยการต่อหรือติดกระจกเทมเปอร์ (Tempered Glass) หรือกระจกธรรมดา (Floated Glass) ตั้งแต่ 2 ชิ้นขึ้นไปด้วย PVB (Polyvinyl Butyral) หรือ EVA (Ethylene Vinyl Acetate) เพื่อให้ฟิล์มประกบระหว่างกระจก เมื่อกระจกแตกแล้วเศษกระจกยังติดกันไม่หลุด ดูเหมือนใยแมงมุม มีความปลอดภัยในการใช้งานมากกว่ากระจกประเภทอื่นๆ ช่วยลดอันตรายต่างๆ ได้มากขึ้น จึงเหมาะสำหรับผนังภายนอก ราวบันได หลังคาสกายไลท์ของอาคารสูง
กระจกลามิเนตช่วยป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก เอฟเฟกต์ฉนวนกันเสียงดีกว่า ประตูไม้ กระจก ทั่วไปและยังช่วยป้องกันลมแดดได้ด้วยสามารถป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลตได้มากกว่า 90% และทนต่อแรงกระแทก ป้องกันการโจรกรรม
3. กระจกฉนวนกันความร้อน (Insulated Glass)
หรือกระจกสองชั้น การใช้กระจกนี้เน้นไปที่การป้องกันความร้อน เน้นการประหยัดพลังงานโดยเชื่อมกระจกตั้งแต่ 2 บานขึ้นไปเข้ากับกรอบอลูมิเนียมหรือซิลิกอนระหว่างบานที่มีสารดูดความชื้นและวัสดุฉนวน ช่วยรักษาอุณหภูมิภายนอกออกจากตัวอาคารได้ดี แต่เอากระจกมาประกบกัน กลายเป็นว่า ขนาดกระจกกว้างกว่ากระจกทั่วไป ต้องเว้นระยะการติดตั้งให้มากขึ้น
4. กระจกโฟลต (Float Glass)
เป็นกระจกที่มีพื้นผิวเรียบสนิทที่ช่วยให้แสงผ่านได้สูง สามารถนำไปแปรรูปได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นประตู กระจก นิรภัย ลามิเนต กระจกเงา กระจกโค้ง กระจกพ่นทราย หากต้องการใช้กระจกประเภทนี้ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย ห้ามใช้ในการติดตั้งที่เสี่ยงต่อการถูกกระทบกระแทก เนื่องจากหักง่าย แตกง่าย ลักษณะเหมือนปากฉลาม มีความคม และไม่ทนต่ออุณหภูมิสูง
เพื่อส่งมอบงานที่มีคุณภาพตรงกับความต้องการของลูกค้า ให้เกิดความพึงพอใจสูงสุด ส่งงานตรงต่อเวลา สวยงาม และให้ความสำคัญกับบริการหลังการติดตั้ง หน้าต่างกระจก ผู้เชี่ยวชาญด้านกระจกที่คุณสามารถวางใจได้แน่นอน สามารถติดต่อได้แล้ววันนี้ที่ FB: กระจก ประตู หน้าต่าง อลูมิเนียม ติดตั้งประตู-หน้าต่าง หรือ LINE ID : @windoor-group ได้ตลอด 24 ชม.